วัดนครสวรรค์เเถลงชนะคดี ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกจำเลย 26 ปีชดใช้เงินคืนวัดอีก[ข่าวนครสวรรค์]

Spread the love

วันที่ 6 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา  คณะกรรมการโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์ ได้ร่วมกันเเถลงข้อร้องเรียนกล่าวโทษ โดยประกอบไปด้วย

1.พล.ต.สุวิทย์ แม้นเหมือน
2.นายพีระพงษ์ นพนาคีพงษ์
3.พ.ต.อ.(พิเศษ)อุทัย เเสนเสริม
4.นายประดับ สนธิประเสริฐ
5.นายพยนต์  อ่อนสะอาด
6.นายวรพจน์  ศรีวโรภาส
7.นายชัยพร ธีระพันธ์พิเชฎฐ์
8.นายบุญเพ็ญ จันทร์สืบแถว
9.นายศิริโรจน์  นามเสนา
10.นายสุวัฒน์  เเจ้งจิต
11.นางสาวเจริญพร  อันประนิตย์

คณะกรรมการฯ ได้รับมอบหมายจากพระเทพปริยัติเมธี ให้เป็นตัวแทน   ในการนำนำเสนอข้อเท็จจริงคือ
ประเด็นการร้องเรียนกล่าวโทษต่อพระเทพปริยัติเมธี เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ในฐานะประธานโครงการก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์
ผู้ร้องเรียนกล่าวโทษนั้นคือ นางขนิษฐา รัตนพัฒนากุล และนายสุรพงษ์ สุทธิกร ทนายความ โดยระบุตัวเองเป็นตัวแทนของประชาชนนครสวรรค์มาร้องเรียนกล่าวโทษหลายประการ แต่จะขอนำเรียนในประเด็นหลัก ๓ กรณี คือ

กรณีที่ ๑ ร้องเรียนกล่าวโทษว่า การก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์แห่งนี้ได้มีการบุกรุกที่สาธารณะ และมีการถมดินทับคลองสาหร่ายที่มีอยู่เดิมหายไป ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงถึง ๒ เมตร สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนที่อยู่บริเวณนี้

กรณีที่ ๒ ร้องเรียนกล่าวโทษว่า หลอกลวงประชาชนในการก่อสร้างพระประธานองค์ใหญ่ว่า ได้ประชาสัมพันธ์ไว้ว่าจะสร้างด้วยทองเหลือง แต่มาก่อสร้างโดยใช้ปูนปั้นแทน

กรณีที่ ๓ ร้องเรียนกล่าวโทษว่า มีการทุจริตในการก่อสร้างโดยไม่มีการแสดงหลักฐานเงินที่ได้รับการบริจาค และรายรับรายจ่ายรายละเอียดไม่สามารถตรวจสอบได้

ผู้ร้องเรียนกล่าวโทษทั้ง ๒ คนนี้ได้ร้องเรียนกล่าวโทษไปที่หน่วยงานประกอบด้วย สำนักนายกรัฐมนตรี กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ (DSI) สำนักตรวจการแผ่น
คำร้องเรียนกล่าวโทษนี้ ได้นำไปเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกราคมต่างเวลาต่างวาระ จนถึงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐ โดยทางโทรทัศน์จำนวน ๙ ช่อง จำนวน ๙ ครั้ง ลงตีพิมพ์ในสิ่งตีพิมพ์ ๖ ครั้ง ๖ ฉบับ และมีการเผยแพร่ทางโซเชียลต่างๆ อีกหลายแห่ง
คณะกรรมการฯ ขอเรียนถึงข้อเท็จจริงในข้อร้องเรียนกล่าวโทษ ดังนี้
กรณีที่ ๑ ร้องเรียนกล่าวโทษว่า บุกรุกที่สาธารณะและถมดินทับคลองสาหร่ายนั้น ขอนำเรียนว่า ไม่เป็นความจริง โดยขอยืนยันตามหลักฐานดังนี้ ได้มีผู้สื่อข่าวทีวีโมเดรินนาย (ช่อง ๙) มาตรวจสอบและนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น โดยมีสารวัตรกำนันและประชาชนที่อยู่ในบริเวณนี้นำชี้แนว พบว่า ไม่ได้มีการบุกรุกและถมดินทับคลองสาหร่าย แต่กลับพบว่าการก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์นั้นได้ก่อสร้างอย่างมีระบบ มีการบริหารจัดการแก้ปัญหาเรื่องน้ำได้เป็นอย่างดี และเกิดประโยชน์กับประชาชน
ส่วนการตรวจสอบ สอบสวนของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครสวรรค์นั้น พบว่าได้แต่งตั้งคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑๖ หน่วยงาน มาตรวจสอบตามคำสั่งของหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนกล่าวโทษ เมื่อได้รับผลจากการสอบสวนของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครสวรรค์มาแล้ว จะเรียนให้ทราบต่อไป
แต่ขอเรียนว่าหลักฐานเอกสารสิทธิที่ได้รับบริจาคมานี้เป็นเอกสารสิทธิ์ประเภท สค.๑ และในปัจจุบันนี้ออกโฉนดในนามมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยแล้วประมาณ ๑๐๐ ไร่เศษ ฉะนั้นจึงขอยืนยันว่าที่ดินนี้ถูกต้อง ไม่เป็นสาธารณะตามข้อร้องเรียน

กรณีที่ ๒ ร้องเรียนกล่าวโทษว่า หลอกลวงประชาชนในการก่อสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ขอยืนยันด้วยเหตุผลและวิธีการก่อสร้าง จำเป็นจะต้องสร้างองค์พระด้วยนั้นเป็นต้นแบบก่อน จากนั้นจะถอดแบบจากองค์ปูนออกมาเป็นแบบพิมพ์เททองเนื้อทองเหลือง จำนวน ๑,๕๐๐ ชิ้น และนำทองเหลืองที่หล่อเป็นแผ่นมาประกอบกับองค์ปูนที่เป็นต้นแบบ แล้วเชื่อมด้วยทองเหลืองแต่ละชิ้นส่วนให้ติดกัน ยืนยันข้อเท็จจริงนี้สามารถตรวจสอบได้จากองค์พระรูปองค์ใหญ่และสัญญาในการก่อสร้าง

กรณีที่ ๓ ร้องเรียนกล่าวโทษว่า มีการทุจริตในการก่อสร้าง ขอเรียนว่าการดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอนตามที่เรียนไปแล้วนั้น สำหรับปัจจัยบริจาคสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ซึ่งเป็นเงินจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ปรากฏว่าปัจจัยดังกล่าวนั้นได้ถูกลักลอบยักยอกออกไปจำนวนหนึ่งโดยผู้มีทำหน้าที่ดูแลการรับเงินบริจาคส่วนนี้ จนเป็นเหตุให้เกิดการฟ้องร้อง เป็นคดีความขึ้นศาลทั้งทางแพ่งและทางอาญา ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จนถึงปัจจุบันหลายคดีความ ศาลได้ตัดสินให้พุทธอุทยานนครสวรรค์ชนะทุกคดี
ฉะนั้นคำร้องเรียนกล่าวโทษว่ามีการทุจริตนั้นมีจริง โดยพบว่า ผู้มีหน้าที่ดูแลเงินบริจาคนั้นได้ทำการทุจริตฉ้อโกงเงินนี้ไป จนเป็นเหตุให้มีคดีความที่เรียนให้ทราบแล้วนั้น
สรุปได้ว่า เรื่องร้องเรียนกล่าวโทษที่มีไปถึงหน่วยงานราชการ และเผยแพร่ทางสื่อมวลชน ในกรณีที่ ๑ นั้นได้มีการตรวจสอบ สอบสวนต่อคำร้องเรียนนั้น พบว่าไม่เป็นความจริง ส่วนกรณีที่ ๒ เป็นเทคนิคและวิธีการก่อสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ต้องทำอย่างนี้ สามารถตรวจสอบได้ กรณีที่ ๓ การทุจริตนั้นได้เรียนให้ทราบแล้วว่าใครทุจริต จนถึงคดีฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์
จึงได้ข้อเท็จจริงในการร้องเรียนกล่าวโทษของนางขนิษฐา รัตนพัฒนากุลต่อพระเทพปริยัติเมธีนั้น ไม่มีความจริง ไม่เป็นความจริงทั้ง ๓ กรณี เว้นการทุจริตเงินของโครงการฯ

ซึ่งปัจจุบันนี้ผลทางคดีอาญาได้สิ้นสุดลงที่ศาลฎีกา มีคำพิพากษาให้นางขนิษฐา รัตนพัฒนากุลแพ้คดี ตัดสินจำคุก ๒๖ ปี และให้คืนเงินกับคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ ๔ ล้านเศษ จากผลการตัดสินของศาลฎีกา ณ ปัจจุบันนี้นางขนิษฐา รัตนพัฒนากุล ได้หลบหนีโทษทางคดีอาญา เป็นนักโทษเด็ดขาด ซึ่งศาลได้ออกหมายจับเพื่อให้มารับโทษ
ในส่วนของคดีแพ่ง ศาลจังหวัดนครสวรรค์และศาลอุธรณ์ภาค ๖ ได้มีคำพิพากษาให้ตรงกัน ให้นายพฤติ นางขนิษฐา รัตนพัฒนกุล ใช้เงินคืนให้กับคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์กว่า ๕๕ ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ๗.๕ เปอร์เซ็นต่อปี นับจากปี ๒๕๕๕ ซึ่งปัจจุบันนี้รวมเป็นกว่า ๗๐ ล้านบาท ซึ่งศาลได้มีคำสั่งกรมบังคับให้ยึดทรัพย์สินของนายพฤติ นางขนิษฐา รัตนพัฒนกุล มาดำเนินการขายทอดตลาด เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ให้กับคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ตามคำพิพากษา

รายงานโดย  ตั่วถั่ง นิวส์ พีอาร์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์
————
เเจ้งข่าว,ติดต่อทำข่าว ติดต่อประชาสัมพันธ์ได้ที่ 056-213944 , 095-6376337 , 080-1537337 ,084-7737337
———
ข่าวนครสวรรค์แฟนเพจ
www.facebook.com/khaonakhonsawan
ข่าวนครสวรรค์ เว็บไซต์
www.khaonakhonsawan.com/
www.ข่าวนครสวรรค์.com
านการตลาดปรึกษา ConMar  แอดไลน์  @knsn-marketing

Facebook Comments

Share via
Copy link
Powered by Social Snap